Workshop การอ่านเพื่อการพัฒนาเด็ก ณ อาคารหอจดหมายเหตุ ชั้น 2 เวที สวนปฎิจจสมุปบาท วันที่ 7 พฤษภาคม 2554 เวลา 11.00-12.00 น.
กิจกรรม Workshop ครั้งนี้ถือเป็นการนำเสนอกระบวนการที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กจากการอ่าน ซึ่งสามารถต่อยอดความรู้จากหนังสือนิทานเพียงหนึ่งเล่ม การต่อยอดความรู้ที่แตกต่างหลากหลายตามเนื้อหา เรื่องราวที่ปรากฏในนิทานจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้เด็กเกิดจินตนาการและพัฒนาการที่มากกว่าการอ่านจากตัวหนังสือ กิจกรรม สื่ออุปกรณ์ต่างๆ จะทำให้เด็กเกิดความสนใจในกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ผู้ใหญ่ที่ต้องเสียสละเวลาและร่วมเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเด็กในทุกๆ ขั้นตอน สำหรับพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจากการที่เด็กอ่านหนังสือออก หากแต่เรื่องราวที่สามารถสัมผัสและเข้าถึงตามจินตนาการของเด็ก ก็สามารถทำให้เด็กเกิดพัฒนาการที่หลากหลายได้เช่นกัน ขอเพียงผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ ครู มีเวลาและเปิดโอกาสให้เด็กได้อยู่กับสิ่งเหล่านี้มากยิ่งขึ้น มีการทำกิจกรรมที่ต่อยอดจากเรื่องราวของนิทาน ชวนคิด ชวนตั้งคำถาม ตอบข้อสงสัยของเด็กให้เกิดเป็นการต่อยอดที่แตกต่างและหลากหลายจากหนังสือนิทานเพียงหนึ่งเล่ม เพราะการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กมักเกิดขึ้นจากการได้ทำกิจกรรมที่ให้ความสนุก ความเพลิดเพลิน และรู้สัมผัสได้กับความจริงที่เป็นอยู่ เช่น ในนิทานอาจมีการกล่าวถึงเทวดา เด็กอาจจะสงสัยว่าเทวดาคือใคร มีตัวตนจริงหรือไม่ และเมื่อเด็กเห็นพ่อแม่กราบไหว้บูชาพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เด็กก็จะเกิดการเชื่อมโยงว่าพ่อแม่กราบไหว้ใคร การเชื่อมโยงจากนิทานและสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงจะทำให้เด็กเกิดพัฒนาการการเรียนรู้ ขอเพียงพ่อแม่มีเวลาที่จะอธิบายและบอกกล่าวสิ่งที่เด็กสงสัยให้สามารถเข้าถึงและสัมผัสได้ตามจินตนาการของเด็ก เป็นต้น การทำกิจกรรมที่ต่อยอดจากการหนังสือนิทานเพียงหนึ่งเล่มนั้น สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองอาจเป็นเรื่องยากที่จะเริ่มต้น เพราะต้องอาศัยทักษะในการสร้างกระบวนการการเรียนรู้ระหว่างจินตนาการกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ในชีวิตจริง การนำเสนอของเวที workshop ครั้งนี้จึงเป็นการนำเสนอตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเด็กจากการอ่าน ซึ่งต้องใช้เวลาและการทุ่มเทจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง กิจกรรมที่นำมาเสนอจึงเป็นความสำเร็จที่ผู้เข้าร่วมเวทีจะนำไปเป็นแบบอย่าง สังคมไทยยังให้ความสำคัญกับการอ่านน้อย แม้กระทั่งวัยผู้ใหญ่ที่สามารถเลือกสรรหนังสือได้อย่างหลากหลายตามความสนใจ หากแต่สิ่งที่ปรากฏในเวที Workshop กลับพบว่ามีผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้น้อยมาก จึงสะท้อนให้เห็นสถานการณ์ที่น่าห่วงใยเกี่ยวกับพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก เพราะหากผู้ใหญ่ไม่ให้ความสนใจกระบวนการเหล่านี้ ผลที่เกิดกับเด็กก็จะถูกละเลย ไม่ได้รับความสนใจเกี่ยวกับการอ่านหนังสือและการทำกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถต่อยอดได้อีกอย่างหลากหลาย การส่งเสริมพัฒนาการด้านการอ่านของเด็ก จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง กิจกรรมนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งหากกลุ่มเป้าหมายที่มาร่วมงานคือพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่พาลูกหลานมาเข้าร่วมเรียนรู้ แต่จากข้อเท็จจริงที่สังเกตพบ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ มีจำนวนประมาณ 9-10 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยมาก อีกส่วนหนึ่งเป็นทีมงานที่มาด้วยกัน รวมถึง Staff ที่ดูแลเวทีดังกล่าว และส่วนใหญ่จะมาคนเดียว มีเพียงแม่ที่พาลูกมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ 1 คู่ ผลที่เกิดขึ้นอาจตอบโจทย์ของผู้จัดได้ไม่มากนัก กิจกรรมลักษณะนี้ควรมีการประชาสัมพันธ์รวมถึงลงทะเบียนล้วงหน้า โดยกำหนดเงื่อนไขของการเข้าร่วมว่าควรมาเป็นคู่ (ผู้ปกครอง-เด็ก, พ่อแม่ ลูก เป็นต้น)